ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ วางแผนธุรกิจ Scale Up ธุรกิจโต 100 ล้าน

ICT liquidity คืออะไร? วิธีใช้ liquidity ทำกำไร อย่างไร สอนฟรี ICT

ICT liquidity คืออะไร? วิธีใช้ liquidity ทำกำไร

เคยสงสัยไหมว่าทำไมกราฟราคาถึงชอบ “วิ่งชน” แนวรับแนวต้านที่เราตั้งไว้ แล้วก็ร่วงหรือพุ่งสวนทางอย่างน่าเจ็บใจ? คำตอบของปริศนานี้อาจซ่อนอยู่ในคำว่า “Liquidity” หรือ “สภาพคล่อง” นั่นเอง! บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก Liquidity แบบครบทุกองค์ประกอบ พร้อมเคล็ดลับการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการเทรดของคุณให้เหนือชั้น

ICT Liquidity คืออะไร ? ทำไมนักลงทุนรายใหญ่ให้ความสำคัญ?

Liquidity ในบริบทของการเทรด หมายถึง บริเวณที่มีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งซื้อ (Buy Order), คำสั่งขาย (Sell Order), หรือแม้แต่คำสั่ง Stop Loss ที่นักลงทุนรายย่อยมักตั้งไว้บริเวณแนวรับแนวต้านสำคัญ

แล้วทำไมนักลงทุนรายใหญ่ถึงสนใจ Liquidity?

นักลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “Smart Money” มีเงินทุนมหาศาล ทำให้การเข้าซื้อหรือขายในปริมาณมาก ๆ เพียงครั้งเดียวอาจส่งผลกระทบต่อราคาอย่างรุนแรง พวกเขาจึงมักจะ “ซ่อน” คำสั่งซื้อขายของตัวเองไว้ในบริเวณที่มี Liquidity สูง เพื่อค่อย ๆ สะสมหรือระบาย Position โดยไม่ทำให้ราคาเคลื่อนไหวผิดปกติมากนัก

นอกจากนี้ บริเวณที่มี Liquidity สูงยังเปรียบเสมือน “แหล่งเชื้อเพลิง” ให้กับ Smart Money พวกเขามักจะ “สร้างกับดัก” โดยการทำราคาเหมือนจะเคารพแนวรับแนวต้าน เพื่อดึงดูดนักลงทุนรายย่อยให้เข้ามาซื้อหรือขายตาม จากนั้นก็จะ “กวาด” (Sweep) เอา Stop Loss ของนักลงทุนเหล่านั้นไป หรือที่เรียกว่า “การล่า Liquidity” นั่นเอง

ICT Concept กับการจำแนก Liquidity: รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ตามแนวคิด ICT (Inner Circle Trader) สามารถแบ่งประเภทของ Liquidity ออกเป็นหลายรูปแบบ แต่ในบทความนี้เราจะเน้น 3 รูปแบบหลัก ๆ ที่พบเห็นได้บ่อย และเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำความเข้าใจกลไกตลาด:

1. แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Liquidity):

  • เป็นรูปแบบ Liquidity ที่นักเทรดส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี เมื่อราคาลงมาบริเวณแนวรับ มักจะมีคำสั่งซื้อจำนวนมากรออยู่ ในทางกลับกัน เมื่อราคาขึ้นไปบริเวณแนวต้าน ก็มักจะมีคำสั่งขายรออยู่เช่นกัน
  • กับดักที่พบบ่อย: ราคาทำท่าเหมือนจะเด้งขึ้นจากแนวรับ (Double Bottom) หรือร่วงลงจากแนวต้าน (Double Top) แต่นักลงทุนรายใหญ่จะดันราคาให้ทะลุแนวเหล่านั้นเพื่อกวาด Stop Loss ก่อนที่จะกลับทิศทางเดิม

2. Equal Highs และ Equal Lows Liquidity:

  • เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุด (High) หรือจุดต่ำสุด (Low) ในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้บริเวณเหล่านั้นกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคำสั่งซื้อขายและ Stop Loss จำนวนมาก
  • กับดักที่พบบ่อย: นักเทรดมักจะคาดหวังว่าราคาจะทะลุ Equal Highs ขึ้นไป หรือทะลุ Equal Lows ลงมา แต่ Smart Money อาจจะดันราคาไป “แตะ” บริเวณเหล่านั้นเพื่อกวาด Liquidity ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม

3. Trendline Liquidity:

  • เกิดจากการที่ราคาสร้างเส้นแนวโน้ม (Trendline) ซึ่งเป็นที่นิยมในการวางแผนการเทรดของนักลงทุนจำนวนมาก
  • กับดักที่พบบ่อย: นักเทรดมักจะรอให้ราคาย่อตัวลงมาสัมผัส Trendline เพื่อเปิด Order ตามแนวโน้ม พร้อมตั้ง Stop Loss เหนือหรือใต้ Trendline เล็กน้อย Smart Money มักจะ “หลอก” ให้ราคาทะลุ Trendline เพื่อกวาด Stop Loss ก่อนที่จะกลับไปตามแนวโน้มเดิม หรือเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม

วิธีสังเกตและใช้ประโยชน์จาก Liquidity เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร:

เมื่อเข้าใจถึงประเภทของ Liquidity และกลไกการล่า Liquidity ของ Smart Money แล้ว เราจะสามารถนำความรู้เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างไร?

  • ระมัดระวังในการเทรดตามแนวรับแนวต้านแบบดั้งเดิม: อย่าเพิ่งรีบร้อนเปิด Order ทันทีที่ราคาสัมผัสแนวรับแนวต้าน ลองสังเกตพฤติกรรมราคาเพิ่มเติม เช่น แรงซื้อแรงขาย, Volume, และรูปแบบแท่งเทียน เพื่อประเมินว่าบริเวณนั้นมีโอกาสถูกล่า Liquidity หรือไม่
  • จับตาดู Equal Highs และ Equal Lows: แทนที่จะรีบเข้าเทรดเมื่อราคาเข้าใกล้บริเวณเหล่านี้ ลองรอให้เกิดการ “Sweep” หรือการกวาด Liquidity ก่อน แล้วค่อยพิจารณาหาจังหวะเข้าเทรดในทิศทางตรงกันข้าม
  • วิเคราะห์ Trendline อย่างมีวิจารณญาณ: การทะลุ Trendline ไม่ได้หมายความว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนเสมอไป ลองพิจารณาบริบทอื่น ๆ ประกอบ เช่น โครงสร้างราคาที่ใหญ่ขึ้น และบริเวณที่มี Liquidity สำคัญอื่น ๆ
  • มองหา “Inducement”: Inducement คือการสร้างสัญญาณเท็จ หรือการเคลื่อนไหวราคาที่หลอกล่อนักเทรดให้เข้าสู่ตลาดในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง มักจะเกิดขึ้นก่อนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ Smart Money การระบุ Inducement ได้จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ
  • รอจังหวะ Retracement ในโครงสร้างที่แข็งแรง: แทนที่จะไล่ราคา การรอให้ราคาย่อตัวกลับมาในบริเวณที่มี Liquidity สำคัญ หรือบริเวณ Demand/Supply Zone ที่ได้รับการยืนยันแล้ว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าเทรดที่มี Risk/Reward Ratio ที่ดีกว่า

สรุป: Liquidity คือกุญแจสำคัญสู่ความเข้าใจตลาด

การทำความเข้าใจเรื่อง Liquidity ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็น “Mindset” ที่จะช่วยให้คุณมองตลาดในมุมมองที่แตกต่างออกไป คุณจะเริ่มเห็น “เบื้องหลัง” การเคลื่อนไหวของราคา เข้าใจถึงกับดักที่ Smart Money วางไว้ และสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น ถ้าอยากเรียนรู้ เกี่ยวกับ ICT มากขึ้น สอน ict po3 

หากคุณต้องการเป็นผู้รอดชีวิตและทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในตลาด การศึกษาและทำความเข้าใจ Liquidity อย่างลึกซึ้งคือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม! นำความรู้ในบทความนี้ไปปรับใช้กับการเทรดของคุณ แล้วคุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างแน่นอน!

Scroll to Top