ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ วางแผนธุรกิจ Scale Up ธุรกิจโต 100 ล้าน

วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup กำไร 100,000 บาท ใน 1 ชั่วโมง ใช้เทคนิคนี้

วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup กำไร 100,000 บาท ใน 1 ชั่วโมง ใช้เทคนิคนี้

วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup กำไร

วันนี้ผมจะมาเปิดโลกการเทรดทองคำด้วยเทคนิคที่เรียกได้ว่า “พลิกชีวิต” เลยก็ว่าได้! เคยไหมที่เห็นกราฟทองคำ แล้วสับสน ไม่รู้ว่าจะขึ้น หรือ ลง กันแน่

แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปครับ เพราะผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับสุดยอดเคล็ดลับที่นักเทรดระดับเซียนหลายคนใช้กัน นั่นก็คือ วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup ที่จะเปลี่ยนการเทรดของคุณไปตลอดกาล!

และที่สำคัญที่สุด… ผมไม่ได้มาแค่บอกเล่า แต่จะมา “Recap ผลลัพธืจริง” ในวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ผมใช้เทคนิค Turtle Soup นี้แหละครับ ทำกำไรทองคำได้ถึง 100,000 บาท ภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น! 😱 ฟังไม่ผิดแน่นอนครับ หลักแสนบาท ภายใน 60 นาที! มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือพลังของเทคนิค Turtle Soup ที่ถูกใช้อย่างถูกจังหวะและแม่นยำ!

หลายคนอาจจะคิดว่า “โห… ขนาดนั้นเลยเหรอ? เราเป็นแค่มือใหม่จะทำได้ไหมเนี่ย?” 🤔 ผมบอกเลยตรงนี้ครับว่า “ทำได้แน่นอน!” เพราะในบทความนี้ ผมจะอธิบายทุกซอกทุกมุมของเทคนิค Turtle Soup แบบละเอียด เข้าใจง่าย เหมือนเพื่อนสอนเพื่อน ไม่มีศัพท์เทคนิคยากๆ ที่ฟังแล้วงงแน่นอนครับ 😊 ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการ หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว แต่ยังอยากลับคมกลยุทธ์ให้เฉียบคมยิ่งขึ้น บทความนี้คือ “ขุมทรัพย์” ที่คุณไม่ควรพลาด!

เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เพราะเรากำลังจะดำดิ่งสู่โลกแห่งการเทรดทองคำด้วยเทคนิค Turtle Soup ที่จะทำให้คุณ “เห็นโอกาสทำกำไร” ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน! ไปลุยกันเลยครับ! 🚀

วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup กำไร

🐢 เจาะลึก “Turtle Soup” คืออะไร? ทำไมเทคนิคนี้ถึงมีพลังในการจับจังหวะทำกำไร?

มาเริ่มต้นกันที่คำถามแรกที่หลายคนสงสัยกันแน่นอนครับ “Turtle Soup” เนี่ย มันคืออะไรกันแน่? มันเป็นชื่อเมนูอาหารรึเปล่า? 🍲 (ขอบอกเลยว่าไม่ใช่ครับ! 😂)

จริงๆ แล้ว เทคนิค Turtle Soup เนี่ย มีที่มาจากการเปรียบเทียบพฤติกรรมราคาในตลาดกับการ “ซุ่มโจมตี” ของเต่าที่โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเพื่อจับเหยื่อ 🐢 ซึ่งในบริบทของการเทรด ราคาจะมีการ “พักตัว” หรือ “สร้างแนวรับแนวต้านหลอก” ก่อนที่จะ “พุ่งทะยาน” ไปในทิศทางที่แท้จริง เหมือนเต่าที่ซุ่มอยู่ใต้น้ำแล้วโผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าเหยื่อยังไงยังงั้นเลยครับ!

ทำไมเทคนิคนี้ถึงมีพลังในการจับจังหวะทำกำไร?

ลองจินตนาการภาพนะครับ ว่าในตลาดทองคำเนี่ย มีนักเทรดมากมายที่ใช้เครื่องมือและ Indicator ต่างๆ ในการวิเคราะห์ราคา หนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมก็คือการดูแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Levels)

  • แนวรับ (Support): คือระดับราคาที่คาดว่าแรงซื้อจะเข้ามา ทำให้ราคาไม่ลดลงไปต่ำกว่านี้
  • แนวต้าน (Resistance): คือระดับราคาที่คาดว่าแรงขายจะเข้ามา ทำให้ราคาไม่สูงขึ้นไปมากกว่านี้

ทีนี้แหละครับ ความน่าสนใจของ Turtle Soup ก็เข้ามา! เทคนิคนี้จะ “รอ” ให้ราคาลงไป “ต่ำกว่าแนวรับสำคัญ” หรือขึ้นไป “สูงกว่าแนวต้านสำคัญ” เพียงเล็กน้อย เหมือนเป็นการ “ล่อ” ให้นักเทรดที่เชื่อมั่นในแนวรับแนวต้านเหล่านั้น “เปิดสถานะ” ตามทิศทางที่คิดไว้ (เช่น ถ้าราคาลงต่ำกว่าแนวรับ ก็เปิด Short หรือ Sell)

แต่! นั่นแหละครับคือ “กับดัก” หรือ “ซุปเต่า” ที่เรากำลังรออยู่! หลังจากที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านไปเพียงเล็กน้อย มักจะมีการ “กลับตัวอย่างรวดเร็ว” ในทิศทางตรงกันข้าม! นั่นหมายความว่า นักเทรดที่เปิดสถานะตามการทะลุแนวรับแนวต้านแบบผิดๆ จะต้องเจอกับการขาดทุนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เราที่รอจังหวะ Turtle Soup จะสามารถ “เข้าซื้อ” ในราคาที่ดีกว่า หรือ “ขาย” ในราคาสูงกว่า และทำกำไรจากความผันผวนนี้ได้!

🔑 ไขรหัสลับ! หลักการและเงื่อนไขสำคัญ ที่จะทำให้คุณใช้ Turtle Soup ได้อย่างแม่นยำ

หลังจากที่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของ Turtle Soup แล้ว ทีนี้เรามาเจาะลึกถึง “รหัสลับ” หรือหลักการและเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เราใช้เทคนิคนี้ได้อย่างแม่นยำกันครับ! เปรียบเสมือนเรากำลังเรียนรู้สูตรลับของเชฟกระทะเหล็ก ที่ต้องใส่ส่วนผสมในปริมาณที่ถูกต้อง และตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยลงตัว! 😋

หลักการสำคัญของ Turtle Soup:

  1. การระบุแนวรับแนวต้านสำคัญ (Significant Support and Resistance Levels): นี่คือขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด! เราต้องสามารถระบุแนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญในอดีตได้ ซึ่งอาจจะมาจากจุดสูงสุด จุดต่ำสุด หรือบริเวณที่มีการพักตัวของราคานานๆ แนวรับแนวต้านเหล่านี้เปรียบเสมือน “เส้นแบ่งเขตแดน” ที่ราคาเคยมีการตอบสนองอย่างชัดเจน

    • ตัวอย่าง: ลองดูภาพกราฟทองคำย้อนหลัง หากเราเห็นว่าราคามีการขึ้นไปชนที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลายครั้งแล้วไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ แสดงว่าบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ฯ เป็น “แนวต้านสำคัญ” หรือถ้าราคาเคยลงมาถึง 1,750 ดอลลาร์ฯ แล้วดีดตัวขึ้นทุกครั้ง แสดงว่าบริเวณ 1,750 ดอลลาร์ฯ เป็น “แนวรับสำคัญ”
  2. การรอให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเพียงเล็กน้อย (Small Breakout): นี่คือ “สัญญาณแรก” ที่บอกว่าอาจจะเกิด Turtle Soup ขึ้น! ราคามักจะมีการ “ยืด” ตัวออกไปจากแนวรับแนวต้านนั้นๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่การทะลุแบบแข็งแกร่งและมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) มหาศาล

    • เปรียบเทียบ: เหมือนเรากำลังเดินไปชนประตู🚪 ถ้าเราผลักประตูเบาๆ แล้วประตูก็เปิดออกนิดหน่อย แล้วก็เด้งกลับมา นั่นแหละครับคือลักษณะของการทะลุแนวรับแนวต้านแบบ “ไม่แข็งแกร่ง” ซึ่งเป็นสัญญาณของ Turtle Soup
  3. การกลับตัวอย่างรวดเร็ว (Quick Reversal): หลังจากที่ราคาทะลุแนวรับแนวต้านไปเพียงเล็กน้อย สิ่งที่เราต้องรอคือการ “กลับตัว” อย่างรวดเร็วกลับมาเหนือแนวรับเดิม หรือต่ำกว่าแนวต้านเดิม การกลับตัวนี้มักจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจจะเป็นภายในไม่กี่แท่งเทียน (Candlestick)

    • ตัวอย่าง: ถ้าราคาทองคำลงไปต่ำกว่าแนวรับ 1,750 ดอลลาร์ฯ เล็กน้อย แล้วภายใน 1-2 แท่งเทียนถัดมา ราคาก็ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,750 ดอลลาร์ฯ ได้อีกครั้ง นี่คือสัญญาณของการเกิด Turtle Soup ในฝั่งของการ “ซื้อ” (Long)

เงื่อนไขสำคัญในการใช้เทคนิค Turtle Soup:

  1. กรอบเวลา (Timeframe): เทคนิค Turtle Soup สามารถใช้ได้กับหลากหลายกรอบเวลา แต่โดยทั่วไปแล้ว มักจะนิยมใช้กับกรอบเวลาที่สั้นลงมา เช่น H1 (1 ชั่วโมง), H4 (4 ชั่วโมง) หรือ D1 (รายวัน) ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคน

    • คำแนะนำ: สำหรับมือใหม่ อาจจะเริ่มต้นด้วยกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น เช่น H4 หรือ D1 เพื่อให้มีสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น และลดความผันผวนในระยะสั้น
  2. การยืนยัน (Confirmation): แม้ว่าการทะลุแนวรับแนวต้านเพียงเล็กน้อยและการกลับตัวอย่างรวดเร็วจะเป็นสัญญาณสำคัญ แต่การมี “สัญญาณยืนยัน” เพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าออเดอร์ได้มากขึ้น สัญญาณยืนยันเหล่านี้อาจจะมาจาก:

    • รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Reversal Candlestick Patterns): เช่น แท่งเทียน Doji, Engulfing, Hammer, Shooting Star เป็นต้น
    • Indicator: เช่น RSI (Relative Strength Index) หรือ Stochastic ที่แสดงภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) หรือ Oversold (ขายมากเกินไป) ในบริเวณแนวรับแนวต้าน
  3. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management): สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเทรดทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่ Turtle Soup คือการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด! เราควรกำหนดขนาด Position ที่เหมาะสม และตั้ง Stop Loss ในจุดที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป หากราคาไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้

    • หลักการง่ายๆ: อย่าเสี่ยงเงินทุนทั้งหมดของคุณในการเทรดครั้งเดียว ควรกำหนดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ที่ประมาณ 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด

🎯 เล็งเป้าแม่น! วิธีหาจุดเข้าซื้อ (Entry Point) และจุดขาย (Exit Point) ที่จะเพิ่มโอกาสทำกำไรของคุณ

มาถึงหัวใจสำคัญของการใช้เทคนิค Turtle Soup แล้วครับ นั่นก็คือ “การหาจุดเข้าซื้อ (Entry Point) และจุดขาย (Exit Point) ที่แม่นยำ” เปรียบเหมือนการเล็งเป้าก่อนยิงธนู🏹 ถ้าเราเล็งได้แม่นยำ โอกาสที่เราจะยิงเข้าเป้าและได้คะแนนเต็มก็มีสูง!

สำหรับฝั่งของการ “ซื้อ” (Long):

  1. รอให้ราคาทะลุต่ำกว่าแนวรับสำคัญ: สังเกตเมื่อราคาทองคำลงไปต่ำกว่าแนวรับที่เราได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย

  2. รอสัญญาณการกลับตัว: มองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่เป็นสัญญาณของการขึ้น หรือรอให้ Indicator เช่น RSI หรือ Stochastic เข้าสู่ภาวะ Oversold แล้วเริ่มกลับตัวขึ้น

  3. จุดเข้าซื้อ (Entry Point): จุดเข้าซื้อที่เหมาะสมคือเมื่อราคากลับขึ้นมายืนเหนือแนวรับเดิมได้อีกครั้ง หรือเมื่อเกิดสัญญาณยืนยันที่เราได้กล่าวไว้

  4. จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ควรตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำสุดที่ราคาทะลุลงไปก่อนที่จะกลับตัวขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้

  5. จุดทำกำไร (Take Profit): จุดทำกำไรสามารถกำหนดได้จากแนวต้านถัดไป หรืออาจจะใช้ Ratio ของ Risk to Reward (เช่น 1:2 หรือ 1:3) เพื่อกำหนดเป้าหมายกำไร

    • ตัวอย่าง: ถ้าราคาทองคำลงไปต่ำกว่าแนวรับ 1,750 ดอลลาร์ฯ เล็กน้อย แล้วเกิดแท่งเทียน Bullish Engulfing กลับขึ้นมายืนเหนือ 1,750 ดอลลาร์ฯ จุดเข้าซื้อของเราก็คือเมื่อราคาทะลุเหนือ High ของแท่งเทียน Bullish Engulfing ส่วน Stop Loss อาจจะตั้งไว้ใต้ Low ของแท่งนั้น และ Take Profit อาจจะตั้งไว้ที่แนวต้านถัดไป เช่น 1,780 ดอลลาร์ฯ

สำหรับฝั่งของการ “ขาย” (Short):

  1. รอให้ราคาทะลุสูงกว่าแนวต้านสำคัญ: สังเกตเมื่อราคาทองคำขึ้นไปสูงกว่าแนวต้านที่เราได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย

  2. รอสัญญาณการกลับตัว: มองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่เป็นสัญญาณของการลง หรือรอให้ Indicator เช่น RSI หรือ Stochastic เข้าสู่ภาวะ Overbought แล้วเริ่มกลับตัวลง

  3. จุดเข้าขาย (Entry Point): จุดเข้าขายที่เหมาะสมคือเมื่อราคากลับลงมายืนต่ำกว่าแนวต้านเดิมได้อีกครั้ง หรือเมื่อเกิดสัญญาณยืนยันที่เราได้กล่าวไว้

  4. จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ควรตั้ง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงสุดที่ราคาทะลุขึ้นไปก่อนที่จะกลับตัวลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้

  5. จุดทำกำไร (Take Profit): จุดทำกำไรสามารถกำหนดได้จากแนวรับถัดไป หรืออาจจะใช้ Ratio ของ Risk to Reward (เช่น 1:2 หรือ 1:3) เพื่อกำหนดเป้าหมายกำไร

    • ตัวอย่าง: ถ้าราคาทองคำขึ้นไปสูงกว่าแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ฯ เล็กน้อย แล้วเกิดแท่งเทียน Bearish Engulfing กลับลงมายืนต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ฯ จุดเข้าขายของเราก็คือเมื่อราคาทะลุต่ำกว่า Low ของแท่งเทียน Bearish Engulfing ส่วน Stop Loss อาจจะตั้งไว้เหนือ High ของแท่งนั้น และ Take Profit อาจจะตั้งไว้ที่แนวรับถัดไป เช่น 1,770 ดอลลาร์ฯ

🛡️ ป้องกันพอร์ต! การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit แบบมืออาชีพ

การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เปรียบเหมือน “เกราะป้องกัน” และ “เป้าหมาย” ในการเทรดของเรา🛡️🎯 ถ้าเราไม่มีเกราะป้องกัน เวลาเจอการโจมตีที่ไม่คาดคิด พอร์ตของเราอาจจะเสียหายหนักได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เราก็อาจจะปล่อยให้กำไรที่เราทำมาหายไปอย่างไร้ประโยชน์

การตั้งค่า Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • ตั้งในจุดที่สมเหตุสมผล: จุด Stop Loss ควรจะตั้งอยู่ในบริเวณที่หากราคามาถึงจุดนั้น แสดงว่าสัญญาณ Turtle Soup ของเราไม่ถูกต้องแล้ว ไม่ควรตั้งในจุดที่ใกล้กับจุดเข้าซื้อขายมากเกินไป เพราะอาจจะโดน “Stop Hunt” หรือการที่ราคาแกว่งตัวมาชน Stop Loss ของเราแล้วก็กลับไปในทิศทางเดิม
  • พิจารณาความผันผวนของราคา: หากราคามีความผันผวนสูง เราอาจจะต้องตั้ง Stop Loss ให้กว้างขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้มีพื้นที่ให้ราคาแกว่งตัวได้บ้าง
  • ใช้แนวรับแนวต้านช่วย: ในฝั่งของการซื้อ (Long) เราอาจจะตั้ง Stop Loss ไว้ใต้แนวรับสำคัญ หรือใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนสัญญาณ ส่วนในฝั่งของการขาย (Short) เราอาจจะตั้ง Stop Loss ไว้เหนือแนวต้านสำคัญ หรือเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนสัญญาณ

การตั้งค่า Take Profit อย่างมีกลยุทธ์:

  • กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้: จุด Take Profit ควรจะเป็นระดับราคาที่มีโอกาสที่ราคาจะไปถึง โดยอาจจะพิจารณาจากแนวรับแนวต้านถัดไป หรือใช้ Fibonacci Retracement ในการช่วยหาเป้าหมาย
  • ใช้ Risk to Reward Ratio: นักเทรดมืออาชีพส่วนใหญ่มักจะตั้งเป้าหมายกำไรให้มีอัตราส่วนของผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk to Reward Ratio) อย่างน้อย 1:2 ขึ้นไป หมายความว่า ถ้าเราเสี่ยง 1 หน่วย เราก็ควรจะตั้งเป้าหมายกำไรไว้ที่ 2 หน่วยขึ้นไป เพื่อให้การเทรดของเรามีโอกาสทำกำไรในระยะยาว
  • พิจารณาปัจจัยทางเทคนิคอื่นๆ: นอกจากแนวรับแนวต้านแล้ว เราอาจจะใช้ Indicator หรือรูปแบบกราฟอื่นๆ ในการช่วยกำหนดจุด Take Profit เช่น เมื่อ Indicator ถึงภาวะ Overbought/Oversold หรือเมื่อเกิดรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการกลับตัว

💡 เคล็ดลับพิเศษ! ข้อควรระวังและเทคนิคเพิ่มเติม ที่จะช่วยให้คุณนำไปปรับใช้ได้จริงและลดความเสี่ยง

ก่อนที่จะนำเทคนิค Turtle Soup ไปใช้ในการเทรดจริง ผมมี “เคล็ดลับพิเศษ” และ “ข้อควรระวัง” ที่อยากจะฝากไว้ เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเทรดให้มากที่สุดครับ! 😉

  • สังเกตพฤติกรรมราคา: การฝึกสังเกตพฤติกรรมราคา (Price Action) ในบริเวณแนวรับแนวต้าน จะช่วยให้เราเห็นสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น รูปแบบแท่งเทียนต่างๆ
  • อดทนรอจังหวะ: หัวใจสำคัญของการเทรดด้วยเทคนิค Turtle Soup คือการ “อดทนรอ” ให้เกิดสัญญาณที่ตรงตามเงื่อนไข อย่ารีบร้อนเข้าออเดอร์เพียงเพราะราคาทะลุแนวรับแนวต้านไปเล็กน้อย แต่ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
  • Backtesting: ก่อนที่จะใช้เทคนิค Turtle Soup กับเงินจริง ควรทำการ “Backtesting” หรือการทดสอบกับข้อมูลราคาในอดีต เพื่อดูว่าเทคนิคนี้มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนในสภาวะตลาดต่างๆ และปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเอง

🎯 สรุปส่งท้าย: Turtle Soup ไม่ใช่แค่ซุป… แต่คือ วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup กำไร

เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อนๆ นักเทรดทองคำทุกท่าน? 😊 หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจถึงพลังของ “วิธีเทรดทองคำ Turtle Soup” ได้อย่างลึกซึ้ง และเห็นถึงโอกาสในการทำกำไรที่น่าทึ่งของเทคนิคนี้

Turtle Soup ไม่ได้เป็นแค่ชื่อเทคนิคที่ฟังดูแปลกใหม่ แต่เป็นกลยุทธ์ที่อาศัยหลักการทางจิตวิทยาของตลาด และพฤติกรรมของนักเทรดส่วนใหญ่ ที่มักจะเชื่อมั่นในการทะลุแนวรับแนวต้านแบบตรงไปตรงมา การที่เรา “รอ” ให้เกิดการ “ทะลุหลอก” แล้วเข้าสวนทางอย่างมีหลักการ จึงเป็นเหมือนการ “จับปลาในตาข่าย” ที่วางไว้อย่างชาญฉลาด! 🎣

จำไว้เสมอว่า “ความรู้คืออาวุธ” ในโลกของการเทรด การที่เราเข้าใจเทคนิคต่างๆ อย่างถ่องแท้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดของเราได้อย่างแน่นอน

และที่สำคัญที่สุด… การเทรดมีความเสี่ยง โปรดบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และอย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้

📣 อย่าลืม! ติดตามช่อง YouTube “ICT Trader” เพื่อเรียนรู้เทคนิคการเทรดดีๆ อีกมากมาย!

ถ้าเพื่อนๆ ชื่นชอบความรู้และเทคนิคการเทรดที่ผมนำมาแบ่งปันในวันนี้ อย่าลืมกด Like, Share บทความนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ! และที่สำคัญ… อย่าพลาดที่จะ “ติดตาม” ช่อง YouTube “ICT Trader” ของผม! ในช่องนั้น ผมจะมีการแบ่งปันความรู้ เทคนิคการเทรด และประสบการณ์จริงในการเทรดในตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการวิเคราะห์กราฟ และแนวโน้มของราคาทองคำแบบเจาะลึก!

คลิกเข้าไปติดตามได้เลยที่ ช่อง YouTube “ICT Trader”

แล้วพบกันใหม่ในบทความและวิดีโอหน้าครับ! ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนประสบความสำเร็จในการเทรดทองคำ และทำกำไรได้อย่างมากมาย! เฮงๆ รวยๆ ครับ! 🙏💰🚀

บทความที่น่าสนใจ
Scroll to Top