ขายของออนไลน์ ขายอะไรดี หนึ่งในคำถามที่น่าปวดหัวและกวนใจพ่อค้าแม่ค้า หรือคนขายของออนไลน์มากที่สุดในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้เลย
สำหรับใครที่เคยทำธุรกิจมาก่อนหรือมีสินค้าอยู่ในมือคงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยว่าจะระบายสต็อกที่มีอยู่ออกไปอย่างไร หรือถ้าหากใครที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ยังไม่มีไอเดียและยังไม่รู้ว่าจะหาของหรือหาสินค้าอะไรมาขายดี
วันนี้เรามีคำตอบมาช่วยคุณและคนขายของออนไลน์ทุกคนง่าย ๆ ด้วยเครื่องมือจาก Google นั่นก็คือ Google Trends
ขายของออนไลน์ ขายอะไรดี?
Google Trends คือเครื่องมือสำคัญที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือนักการตลาด, พ่อค้าแม่ค้า, และใคร ขายของออนไลน์ อย่างคุณผ่านการค้นหาด้วยคำค้นหรือ Keywords เพียงเข้าเว็บไซต์ Google Trends และป้อนคำค้นหาเข้าไป
จากนั้นระบบจะวัดค่าจากความนิยมโดยที่หน่วยวัดจะเป็นคะแนนเต็ม 100 ซึ่งคุณสามารถใช้วิเคราะห์หาความต้องการหรือแนวโน้มของคำค้นหานั้น ๆ ว่ากำลังเป็นที่พูดถึงมากน้อยแค่ไหน หรือกำลังค้นหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับคำที่คุณต้องการค้นหา หรือที่เราคุ้นหูกันว่า “เทรนด์” นั่นเอง
สิ่งสำคัญที่คุณควรใช้เลยก็คือ Google Trends เป็นเครื่องมือจาก Google ที่ให้คนขายของออนไลน์อย่างคุณได้เข้าไปใช้งานได้ฟรี
หาสินค้าขายดีด้วย Google Trends ?
ใช้ดูเทรนด์ของคำค้นหาที่คุณต้องการค้นหาได้โดยแบ่งการค้นหาออกเป็นประเทศ, ช่วงเวลา, หมวดหมู่, หรือการค้นหาคำเหล่านั้นผ่านเว็บไซต์ หรือค้นผ่าน Youtube ก็ได้
นอกจากนี้ข้อดีหลัก ๆ ของ Google Trends ที่คุณต้องใช้เลยก็คือฟังก์ชั่นในการเปรียบเทียบคำ ตัวอย่างเช่น คุณกำลังสนใจอยากขายของออนไลน์ และกำลังปิ๊งไอเดียอยากนำ “กล้องวงจรปิด” เข้ามาขายออนไลน์ และอยากรู้เทรนด์การค้นหาสินค้าอย่างกล้องวงจรปิด
รวมถึงอยากรู้ว่ากล้องวงจรปิดแบบไหน ยี่ห้อไหนที่มีคนค้นหามากที่สุด คุณก็สามารถใส่คำค้นหานั้นเข้าไปที่ช่อง “Search Term” หรือช่องค้นหาได้เลย
แล้ว Google Trends แบ่งการค้นหาเป็นแบบไหนบ้างล่ะ ?
- แบ่งพื้นที่ตามการค้นหา เช่น ประเทศ ภูมิภาค โดยที่กราฟจะคำนวณตามการค้นหาของพื้นที่ที่คุณเลือก
- แบ่งตามช่วงเวลา เป็นรายชั่วโมง, รายวัน, รายเดือน, รายปี หรือคุณสามารถกำหนดช่วงเวลาเองก็ยังได้
- แบ่งตามหมวดหมู่ของการค้นหา อย่างเช่น การเงิน, การเดินทาง, ช็อปปิ้ง หรือขายของออนไลน์ หรือจะเลือกการค้นหาทุกหมวดหมู่ก็ได้
- แบ่งการค้นหาตามแต่ละแพลตฟอร์ม อย่างเช่น ค้นหาผ่านเว็บไซต์, ค้นจากรูปภาพ, ค้นข่าวสาร, ค้นหาจาก Google Shopping, หรือแม้กระทั่งค้นหาผ่าน Youtube ซึ่งคุณสามารถนำไอเดียการค้นหานี้ไปต่อ ยอดในการทำคอนเทนต์ส่งเสริมการตลาดให้กับสินค้าที่คุณขายอยู่ได้เช่นกัน
ข้อมูล Insight อีกอย่างที่น่าสนใจคือ “พื้นที่ของการค้นหา”
เมื่อคุณลองค้นหาคำใดคำหนึ่งแล้ว นอกจากจะหน้าเว็บ Google Trends จะแสดงผลเป็นกราฟวัดระดับความสนใจแล้ว ยังมีข้อมูลอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือความสนใจตามพื้นที่ของประเทศ อย่างเช่น จังหวัดที่มีคนค้นหาคำเดียวกันกับคุณมากที่สุด
ซึ่งประโยชน์ของข้อมูลพื้นที่จังหวัดที่ปรากฎขึ้นจะเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับการเลือกกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณา หรือการเลือก Target Audience
ซึ่งจะทำให้คุณทำการตลาดถูกทาง พูดง่าย ๆ เป็นภาษาชาวบ้านเลยก็คือเป็นการนำสินค้าไปวางขายอยู่ในพื้นที่ที่มีคนต้องการซื้อในรูปแบบของการทำการตลาดสำหรับการขายของออนไลน์นั่นเอง
นอกจากจะเป็นวิธีค้นหาที่ง่ายมากแล้ว การแสดงผลของคำค้นหาใน Google Trends ก็ยังแสดงผลออกมาเพื่อให้เราดูและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายอีกด้วย ลองทำไปพร้อม ๆ กัน เริ่มใช้งาน Google Trends คลิกเลย อ้อ! อย่าลืมเปลี่ยน Location เป็นประเทศไทยก่อนด้วยล่ะ พร้อมแล้วไปเริ่มกัน
เมื่อคุณลองค้นหาคำว่า “กล้องวงจรปิด” จะเห็นข้อมูลเบื้องต้น เช่น ระดับความสนใจ, จังหวัดที่มีคนค้นหามากที่สุด, หัวข้อหรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “กล้องวงจรปิด” ซึ่งหัวข้อ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง หรือที่นักการตลาดส่วนใหญ่รู้จักกันก็คือ Related Topics ตรงนี้ถือเป็นอีกไอเดียนึงที่คุณจะสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจหรือการขายของออนไลน์ของคุณได้
อย่างเช่น หากคุณเปิดร้าน ขายของออนไลน์ สินค้าคืออุปกรณ์ไอที และมี Page Facebook หรือช่อง Youtube เป็นของตัวเอง คุณก็สามารถทำคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่คุณกำลังขายอยู่ เช่น “วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สาย ip camera” หรือ “รีวิวกล้องวงจรปิดไร้สายที่สามารถบันทึกได้ในตัว”
ซึ่งจะเห็นได้จากภาพว่า 2 คำค้นหาข้างต้นนี้เป็น Topics ที่กำลังเป็นที่พูดถึงและคนทั่วไปต้องการหาคำตอบอยู่
ใช้ Google Trends เปรียบเทียบคีย์เวิร์ดว่าคำค้นหาไหนที่กำลังเป็นที่พูดถึง
สิ่งที่น่าสนใจและน่าลองใช้มากที่สุดของ Google Trends คือการเปรียบเทียบคีย์เวิร์ด เช่น คุณอยากรู้ว่าสินค้ายี่ห้อ A และสินค้ายี่ห้อ B สินค้าแบบไหนที่มีการค้นหาหรือเป็นที่พูดถึงมากที่สุด คุณก็สามารถลองใส่คีย์เวิร์ดที่คุณต้องการเพื่อหาคำตอบได้ ซึ่ง Google Trends สามารถใส่คำค้นหาได้มากสุดถึง 5 คำ
จากภาพจะเห็นได้ว่า “กล้องวงจรปิด” ทั้ง 5 ยี่ห้อได้รับความนิยมแตกต่างกัน โดยที่ระดับคะแนนของกล้องวงจรปิด xiaomi เคยพุ่งทยานสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในช่วงปลายปี 63 และเมื่อดูค่าเฉลี่ยช่วงปลายของกราฟจะเห็นได้ว่ามีการคาดการณ์คำค้นหาของ “กล้องวงจรปิดยี่ห้อ Watashi” ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในทิศทางที่สูงขึ้น
เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถนำเทรนด์นี้ไปทดลองใช้กับสินค้าที่คุณกำลังวางแผนไว้ว่าจะเอาไปขายออนไลน์อยู่ได้แล้ว
ใช้ Google Trends ดู Topics หรือเรื่องราวที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่แบบ Real Time
นอกจากเรื่องการวิเคราะห์คำค้นหาทั่วไปแล้ว Google Trends ยังสามารถดู Trending ได้แบบ Real Time แถมยังสามารถใช้ Google Trends ดูข้อมูลที่น่าสนใจย้อนหลังแบบรายปีก็ได้
ถ้าหากอยากดูข้อมูลแบบละเอียดขึ้นโดยแยกเป็นรายปี, แยกเป็นประเทศ, หรือแยกเป็นคำค้นหาก็สามารถทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เราอยากรู้ว่าข่าวไหนเป็นข่าวที่น่าสนใจมากที่สุดของไทยในปี 2020 หรืออยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่กำลังค้นหาสินค้าแบบไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจ ขายของออนไลน์ ของคุณ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ลองคลิกดูสิ
หากคุณหมดไอเดียในการวางแผนธุรกิจขายของออนไลน์ Google Trends เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจขายของออนไลน์ต่อไปได้
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องมือฟรีที่ดีมากสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่ในปี 2021 ที่ต้องบอกว่าคุณควรลองใช้สักครั้ง รับรองว่าไม่ตกเทรนด์แน่นอน เพราะสินค้าแต่ละชิ้นมาไวไปไวมาก
ถ้าคุณมัวแต่ช้า ไม่สำรวจความต้องการของผู้บริโภคเอาไว้ก่อน ระวังจะสายเกินไป แถมถ้าหากคุณวิเคราะห์สินค้าผิด สต๊อกเยอะเกินความต้องการเกินไปจะทำให้ขายไม่ออกเอานะ
สุดท้ายนี้เราแนะนำให้คุณอาจลองปรับแผนธุรกิจจากขายออฟไลน์มาเป็นขายของออนไลน์ได้ รู้แล้วก็รีบไปใช้งานกันได้เลย สำรวจเทรนด์สินค้าที่คุณสนใจจะเอามาขายออนไลน์อยู่ ที่นี่เลย https://trends.google.com/trends