ขายของออนไลน์อะไรดี หาของขายออนไลน์
อยากขายของแต่ไม่รู้จะขายอะไรดี ?
เริ่มต้นขายของออนไลน์
แนะนำหมวดหมู่สินค้า ที่ควรนำมาขายของออนไลน์
- ของอุปโภค บริโภค หรือของที่คนส่วนใหญ่ต้องใช้ทุกวัน เพราะจะทำให้เกิดพฤติกรรมซื้อซ้ำ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างเช่น ลำโพง, หูฟังบลูทูธ, เครื่องกรองอากาศ, เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น
- ของกิน ขนม เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ผลไม้ อาหารแห้ง เป็นต้น
- ของตกแต่งบ้าน เช่น ของชิ้นเล็กสำหรับตั้งโชว์, อุปกรณ์จัดเก็บระเบียบ, เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เป็นต้น
- ของใช้สำหรับเด็ก ของเล่นเด็ก อุปกรณ์ของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด
- เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง สกินแคร์
- อุปกรณ์ สินค้าไอที แกดเจ็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์ และมือถือ
- อุปกรณ์กีฬา เครื่องออกกำลังกาย ชุดออกกำลังกาย
- ของใช้ตามเทศกาล หรือของที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในขณะนั้น เช่น ต้นไม้, หม้อทอดไฟฟ้า, หม้อทอดไร้น้ำมัน, เซิร์ฟสเก็ต เป็นต้น เทรนด์มาไวไปไวก็จริง แต่ถ้าคุณจับทางถูกเทรนด์ เริ่มขายเร็ว กำไรเยอะแน่นอน
- อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อย่างสุนัข และแมว
- ของมือสอง ของสะสม หรือของใช้ที่มีมูลค่า อย่างเช่น เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้าแบรนด์เนม เป็นต้น
ข้อแนะนำ: หากยังมีเงินทุนไม่มากพอ ยังไม่พร้อมที่จะกล้าได้กล้าเสีย และยังไม่แน่ใจว่าของที่นำเข้ามาขายจะขายได้ดีหรือไม่ ขอแนะนำว่ายังไม่ควรรีบนำสินค้าประเภทที่มีหลายแบบ หลายขนาด ในตัวสินค้าชิ้นเดียวเข้ามาขาย
ยกตัวอย่างเช่น รองเท้า เพราะรองเท้าเป็นสิ่งที่คนเราต้องใส่ทุกวันก็จริง แต่ความชอบ และการใช้งานของแต่ละคน แต่ละวันที่ต้องใส่ไม่เหมือนกัน แถมสิ่งที่สำคัญเลยก็คือขนาดของรองเท้า นอกจากจะมีหลายขนาดแล้ว การสั่งสินค้านำเข้ามาหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบที่ต้องสั่งเข้ามาแบบละ 5-7 ขนาด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่ใส่ขนาดรองเท้าอยู่ที่เท่าไหร่ ยิ่งยังไม่ควรรีบลงทุน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นเพียงข้อแนะนำเท่านั้น หากคุณอยากทราบว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรขายของออนไลน์อะไรดี หรืออยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่ใส่รองเท้าเบอร์อะไร ลองไปค้นหาคำตอบกับเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้กัน
3 เทคนิค หาของมาขายออนไลน์
ก่อนที่จะเริ่มต้นหาของมาขาย ต้องรู้ก่อนว่าจะใช้คีย์เวิร์ดอะไรบ้างในการค้นหา หรืออาจจะทดลองเป็นลูกค้าก่อนว่าถ้าอยากได้ของใช้สักชิ้นจะพิมพ์ค้นหาว่าอะไร เมื่อเตรียมคำค้นหาเรียบร้อยแล้วก็ไปเริ่มค้นหาด้วยเครื่องมือเหล่านี้กัน
- Google Trends เป็นเครื่องมือค้นหาความนิยมของสินค้าที่เราอยากค้นหาผ่านการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด และดูข้อมูลเชิงลึก เช่น ประเทศ, จังหวัด, ช่วงเวลา, คำค้นหาใกล้เคียง, ดูสถิติย้อนหลังแบบรายปี แถมยังดูค่าสถิติแนวโน้มของผลการค้นหาล่วงหน้าแบบคร่าว ๆ ได้อีกด้วย และที่สำคัญคือสามารถเปรียบเทียบคีย์เวิร์ดได้ถึง 5 คำต่อครั้ง การใช้งานก็ง่าย แถมยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรี
- Findniche เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหา วิเคราะห์สินค้าขายดีจากเว็บไซต์ e-commerce ชื่อดังอย่าง Aliexpress และ Shopify โดยที่เว็บไซต์จะช่วยเราวิเคราะห์สินค้าชิ้นนั้นผ่านการค้นหาจากจำนวนออเดอร์และยอดสั่งซื้อเป็นหลัก ซึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจมีทั้งการวิเคราะห์ราคาต้นทุน ราคาขาย และกำไรของสินค้าชิ้นนั้นได้ด้วย ซึ่งเครื่องมือชิ้นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์แบบนำเข้าจากจีน
- Ubersuggest เป็นเครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ซึ่งคุณสามารถนำเครื่องมือตัวนี้ไปวิเคราะห์สินค้าที่คุณต้องการนำเข้ามาขายและวิเคราะห์คำค้นหาใกล้เคียงกับสินค้าที่คุณกำลังค้นหาได้ แถมยังสามารถดูคอนเทนต์หรือเนื้อหาทั้งบนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่มีคนพูดถึงคำค้นหานั้นได้ เพื่อที่คุณจะสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับใช้หรือไปเป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ของร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ด้วย
- Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือการตลาดสำหรับการทำ SEM ทั้งการทำ Google Ads หรือ SEO โดยที่ Google Keyword Planner จะเป็นการค้นหาผ่านคีย์เวิร์ด และการแสดงผลจะเป็นตัวเลขของการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นโดยเฉลี่ย และบอกถึงการแข่งขันกันด้วยราคาคลิกของคำค้นหานั้น ๆ อีกด้วย ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากร้านค้าออนไลน์ของคุณทำโฆษณาบน Google Ads แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นใช้งาน คุณจะต้องมีบัญชีของ Google Ads ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้
วิธีเปิดร้านค้าออนไลน์
สร้างร้านค้าออนไลน์ให้กลายเป็นแบรนด์ และอย่ากลัวที่จะเริ่มต้น คุณต้องรู้จักแพลตฟอร์มสำหรับร้านค้าออนไลน์ก่อนว่าในปี 2021 มีแพลตฟอร์มไหนที่เราต้องไปจับจองพื้นที่ให้กับร้านค้าออนไลน์ของเราบ้าง เมื่อคุณหาสินค้ามาขายของออนไลน์ได้แล้ว คุณต้องไม่ลืมที่จะรีบไปจับจองพื้นที่ให้กับแบรนด์ของคุณ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรไปเปิดร้านให้ได้หลายช่องทางมากที่สุด เพื่อให้กลุ่มลูกค้าของคุณจดจำแบรนด์หรือสินค้าของคุณได้ และเพื่อให้ลูกค้าพร้อมที่จะซื้อสินค้าของคุณไม่ว่าลูกค้าจะออนไลน์อยู่แพลตฟอร์มไหนก็ตาม
ช่องทางสำหรับเปิดร้านค้าขายของออนไลน์
- Lazada
- Shopee
- JD
- Kaidee (หากสินค้าที่คุณขายเป็นสินค้ามือ 2 คุณต้องไม่พลาดที่จะลงขายที่ Kaidee)
Social Media สำหรับขายของออนไลน์ที่คุณต้องมี
- Facebook : นอกจากร้านค้าออนไลน์ต้องมี Facebook Page แล้ว Facebook Marketplace ก็เป็นฟังก์ชั่นที่น่าลองใช้เช่นกัน
- Instagram : หากคุณอยากสร้างแบรนด์ให้กับร้านค้าออนไลน์ คุณก็ควรสร้างการรับรู้ใน Instagram เช่นกัน
- Line : ช่องทางการติดต่อ ที่คุณก็สามารถทำการตลาดเพิ่มได้อย่างเช่น Line gain friend ads
- Youtube : หากสินค้าของคุณเป็นสินค้าที่กลุ่มผู้บริโภคมักจะหาข้อมูลก่อนซื้อ ร้านค้าออนไลน์ของคุณยิ่งต้องมีช่อง Youtube
- Tiktok : แพลตฟอร์มยอดนิยมใหม่ที่แบรนด์คุณควรมีไว้ทำคอนเทนต์รีวิวสินค้า และยิงโฆษณา หากสินค้าที่คุณขายมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ใน Tiktok
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราเชื่อว่าคุณน่าจะพอจับทางธุรกิจของคุณเองได้ว่าคำถามที่เกิดขึ้นในหัวที่ว่า ขายของออนไลน์อะไรดี คงมีคำตอบอยู่ในใจกันบ้างแล้ว พร้อมแล้วก็ไปวางแผนธุรกิจร้านค้าออนไลน์กัน เริ่มได้จากจะขายอะไรดี จะขายให้กับใคร จะเปิดร้านตรงไหน และจะทำการตลาดแบบไหน พร้อมแล้วไปเริ่มวางแผนธุรกิจร้านค้าออนไลน์ของคุณกัน